สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจให้ลูกไปเรียนบัลเล่ต์

ในปัจจุบันมีกิจกรรมที่สอนเสริมสำหรับเด็กเกิดขึ้นมากมาย เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ และนาฏศิลป์ แต่จะมีผู้ปกครองสักกี่คนที่จะรู้ว่ากิจกรรมแบบไหนเหมาะกับบุตรหลาน เพราะแต่ละกิจกรรมจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป และยังมีกิจกรรมที่เป็นที่นิยมอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ บัลเล่ต์

บัลเล่ต์ เป็นการเต้นถ่ายทอดเรื่องราวแทนคำพูด ออกเต้นตามจังหวะดนตรี เพื่อแสดงออกถึงความนึกคิด โดยไม่มีบทพูดแม้แต่คำเดียว การเรียนบัลเล่ต์เหมือนกับการเรียนรำไทย ซึ่งบัลเล่ต์นั้นเป็นศิลปะของทางชาติตะวันตก ซึ่งมีการใช้ท่าทางที่เป็นระเบียบ มีแบบแผน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ส่วนชื่อท่าที่ใช้ก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งสิ้น ประวัติของบัลเล่ต์นั้นมีที่มาจากประเทศอิตาลี และนำมาเผยแพร่ต่อในประเทศฝรั่งเศส ทำให้แพร่หลายเพิ่มมากขึ้น

เด็กๆหลายคนที่เลือกมาเรียนบัลเล่ต์นั้น เพราะอยากสวมใส่ชุดสวยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กผู้หญิงจะสวมถุงน่องและชุดที่คล้ายชุดว่ายน้ำสีสันและรูปแบบตามที่โรงเรียนได้กำหนดไว้ ส่วนเรื่องผมนั้นนักเรียนต้องทำมวยผมไว้ที่ด้านหลังให้เรียบร้อย เพื่อให้ครูผู้สอนเห็นแผ่นหลังที่ชัดเจน ส่วนเครื่องแต่งกายเด็กผู้ชายจะไม่ยุ่งยากเท่าเด็กผู้หญิง คือ สวมใส่เฉพาะถุงน่องกับเสื้อยืดเท่านั้น

ใครหลายคนอาจคิดว่าการเรียนบัลเล่ต์นั้นไม่มีประโยชน์ และดูฟุ่มเฟือย แต่ใครจะทราบว่าการเรียนนั้น มีประโยชน์ด้านเสริมสร้างบุคลิก การทรงตัว การเดิน การดัดตัว เป็นต้น ซึ่งจะดีหรือไม่นั้นต้องลองเข้าไปสัมผัสดู เพราะถ้าบัลเล่ต์เป็นสิ่งไม่ดีคงไม่มีการสืบทอดมานานนับร้อยปี

ผู้ปกครองหลายท่านพบว่าบุตรหลานมีบุคลิกภาพที่งดงามขึ้น แข็งแรง มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น มีความสามารถในการทำท่าทางต่างๆ สามารถนำวิชาไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆได้ เช่น วิชาพละศึกษา วิชาดนตรี เป็นต้น ศิลปะทุกแขนงล้วนมีความน่าสนใจด้วยกันทั้งนั้น ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นตัวจุดประกายให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ บัลเล่ต์นั้นเป็นศิลปะที่งดงาม อ่อนหวานและช่วยพัฒนาทางด้านร่างกายและอารมณ์ เมื่อผู้เรียนสามารถเข้าใจและสนุกกับการเรียน ก็จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีที่สุด