ประโยชน์การเรียนบัลเลต์สำหรับเด็กทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

buenos-ninos-children-girl-performance-leotard-costume-dance-font-b-tulle-b-font-suspender-font-b

บัลเลต์เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ศาสตร์หนึ่งซึ่งถ่ายทอดกันมาหลายศตวรรษ บัลเลต์ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนกลางของลำตัวของกล้ามเนื้อขา ทำให้มีตัวตรง และทรงตัวได้ดี อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ และปอด ได้ทำงานแบบเดียวกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การเรียนบัลเลต์ทำให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วงดงาม มีรูปร่าง และบุคคลิกภาพที่ดูเป็นสง่าอย่างธรรมชาติ บัลเลต์ยังเสริมสร้างความสุนทรีย์ทางอารมณ์ ทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมีศิลปะ ได้สัมผัสกับดนตรีคลาสสิค ซึ่งในชีวิตปัจจุบันเด็กมักจะไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับการฟัง หรือใช้ดนตรีคลาสสิค เด็กที่เรียนบัลเลต์จะรู้สึกผ่อนคลาย ฝึกฝนสมาธิ และมีความสุขเด็กที่ได้รับการฝึกสอนอย่างถูกต้อง นอกจากจะมีร่างกายที่มีทักษะที่ดีแล้ว ยังจะมีมารยาทงดงาม เนื่องด้วยในห้องบัลเลต์มีระเบียบแบบแผนในการเรียน ฝึกการรับฟังคำสั่ง และปฏิบัติอย่างว่องไว มีระเบียบในการแต่งกาย ฝึกการควบคุมสมาธิ และฝึกความอดทน บัลเลต์จึงเป็นกิจกรรมพิเศษของเด็กที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เพราะเป็นทั้งศิลปะ และกีฬา สำหรับเบื้องต้นนั้นใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับนักเรียนที่มีความสนใจจริงจังในขั้นสูงอาจเรียนมากกว่านั้น

เลือกโรงเรียนอย่างไรดี

การเลือกโรงเรียนบัลเลต์ และคุณครูผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเรียนบัลเลต์ ทั้งนี้เพราะการเรียนบัลเลต์เป็นการถ่ายทอดทักษะจากบุคคลสู่บุคคล คุณครูผู้จบการศึกษาทางด้านบัลเลต์ชั้นสูง มีบุคคลิกภาพที่ดี มีรสนิยม และการแต่งกายที่ดี มีการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง และสุภาพ ย่อมสามารถถ่ายทอดวิชา รวมทั้งบุคคลิกที่ดีให้เด็กได้ดีกว่าก่อนที่จะเรียนบัลเลต์ ผู้ปกครองควรศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆที่เปิดสอนว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ผู้บริหารของโรงเรียนเป็นบุคคลที่เรียนบัลเลต์มาโดยตรง และมีความรู้จริง รวมทั้งมีทัศนคติถูกต้องต่อศิลปะการเต้นหรือไม่ ผลงานของโรงเรียนได้รับความยอมรับเพียงไรในวงการบัลเลต์ ทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ นักเรียนที่จบไปแล้วประสบความสำเร็จถึงระดับใด รวมทั้งนักเรียนปัจจุบันมีผลการเรียน การสอบ รวมทั้งบุคคลิกภาพอย่างไร การเลือกโรงเรียนที่ดีนั้น ย่อมคุ้มค่าสำหรับเวลาที่จะเสียไปในการเสริมสร้างบุคคลหนึ่งๆ ให้ก้าวไปในอนาคตอย่างมีคุณภาพที่สุด

คุณค่าที่ยังสืบเนื่องไปถึงอนาคต

นอกจากบัลเลต์จะมีคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของการเต้นในทุกรูปแบบ เช่น คอนเทมโพราลีดานซ์ ระบำแจ๊ส ลีลาศ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะบัลเลต์สอนให้รู้ถึงความสมดุลย์ของการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการสั่งการของสมองได้ว่องไว และยังเป็นพื้นฐานให้กับกีฬาหลายอย่าง เช่น ยิมนาสติค, สเก็ตน้ำแข็ง, และกีฬาอื่นๆอีกหลายประเภทเด็กที่มีพื้นฐานของบัลเลต์อยู่ในตัว แม้ว่าไม่ได้เป็นนักบัลเลต์อาชีพ ย่อมเติบโตขึ้นด้วยความมีทักษะของร่างกายที่พร้อมจะร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตนเอง และมักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้แสดง และผู้แทนในกิจกรรมต่างๆของสถาบัน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสนใจทางศิลปะแขนงต่างๆ หลายด้าน มีความเข้าใจซาบซึ้งได้ถึงวัฒนธรรมทั้งของตอนเอง หรือชาติอื่น เด็กๆเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสำหรับบางคนอาจเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนตลอดชีวิต

ประโยชน์การเรียนบัลเลต์สำหรับเด็กทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

บัลเลต์เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ศาสตร์หนึ่งซึ่งถ่ายทอดกันมาหลายศตวรรษ บัลเลต์ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนกลางของลำตัวของกล้ามเนื้อขา ทำให้มีตัวตรง และทรงตัวได้ดี อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ และปอด ได้ทำงานแบบเดียวกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การเรียนบัลเลต์ทำให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วงดงาม มีรูปร่าง และบุคคลิกภาพที่ดูเป็นสง่าอย่างธรรมชาติ บัลเลต์ยังเสริมสร้างความสุนทรีย์ทางอารมณ์ ทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมีศิลปะ ได้สัมผัสกับดนตรีคลาสสิค ซึ่งในชีวิตปัจจุบันเด็กมักจะไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับการฟัง หรือใช้ดนตรีคลาสสิค เด็กที่เรียนบัลเลต์จะรู้สึกผ่อนคลาย ฝึกฝนสมาธิ และมีความสุขเด็กที่ได้รับการฝึกสอนอย่างถูกต้อง นอกจากจะมีร่างกายที่มีทักษะที่ดีแล้ว ยังจะมีมารยาทงดงาม เนื่องด้วยในห้องบัลเลต์มีระเบียบแบบแผนในการเรียน ฝึกการรับฟังคำสั่ง และปฏิบัติอย่างว่องไว มีระเบียบในการแต่งกาย ฝึกการควบคุมสมาธิ และฝึกความอดทน บัลเลต์จึงเป็นกิจกรรมพิเศษของเด็กที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เพราะเป็นทั้งศิลปะ และกีฬา สำหรับเบื้องต้นนั้นใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับนักเรียนที่มีความสนใจจริงจังในขั้นสูงอาจเรียนมากกว่านั้น

เลือกโรงเรียนอย่างไรดี
การเลือกโรงเรียนบัลเลต์ และคุณครูผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเรียนบัลเลต์ ทั้งนี้เพราะการเรียนบัลเลต์เป็นการถ่ายทอดทักษะจากบุคคลสู่บุคคล คุณครูผู้จบการศึกษาทางด้านบัลเลต์ชั้นสูง มีบุคคลิกภาพที่ดี มีรสนิยม และการแต่งกายที่ดี มีการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง และสุภาพ ย่อมสามารถถ่ายทอดวิชา รวมทั้งบุคคลิกที่ดีให้เด็กได้ดีกว่าก่อนที่จะเรียนบัลเลต์ ผู้ปกครองควรศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆที่เปิดสอนว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ผู้บริหารของโรงเรียนเป็นบุคคลที่เรียนบัลเลต์มาโดยตรง และมีความรู้จริง รวมทั้งมีทัศนคติถูกต้องต่อศิลปะการเต้นหรือไม่ ผลงานของโรงเรียนได้รับความยอมรับเพียงไรในวงการบัลเลต์ ทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ นักเรียนที่จบไปแล้วประสบความสำเร็จถึงระดับใด รวมทั้งนักเรียนปัจจุบันมีผลการเรียน การสอบ รวมทั้งบุคคลิกภาพอย่างไร การเลือกโรงเรียนที่ดีนั้น ย่อมคุ้มค่าสำหรับเวลาที่จะเสียไปในการเสริมสร้างบุคคลหนึ่งๆ ให้ก้าวไปในอนาคตอย่างมีคุณภาพที่สุด

คุณค่าที่ยังสืบเนื่องไปถึงอนาคต
นอกจากบัลเลต์จะมีคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของการเต้นในทุกรูปแบบ เช่น คอนเทมโพราลีดานซ์ ระบำแจ๊ส ลีลาศ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะบัลเลต์สอนให้รู้ถึงความสมดุลย์ของการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการสั่งการของสมองได้ว่องไว และยังเป็นพื้นฐานให้กับกีฬาหลายอย่าง เช่น ยิมนาสติค, สเก็ตน้ำแข็ง, และกีฬาอื่นๆอีกหลายประเภทเด็กที่มีพื้นฐานของบัลเลต์อยู่ในตัว แม้ว่าไม่ได้เป็นนักบัลเลต์อาชีพ ย่อมเติบโตขึ้นด้วยความมีทักษะของร่างกายที่พร้อมจะร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตนเอง และมักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้แสดง และผู้แทนในกิจกรรมต่างๆของสถาบัน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสนใจทางศิลปะแขนงต่างๆ หลายด้าน มีความเข้าใจซาบซึ้งได้ถึงวัฒนธรรมทั้งของตอนเอง หรือชาติอื่น เด็กๆเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสำหรับบางคนอาจเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนตลอดชีวิต

เลือกโรงเรียนสอนบัลเล่ต์อย่างไรให้ลูก เพื่อไม่ใหเผิดหวัง

การเรียนบัลเล่ต์ นอกจากจะช่วยพัฒนาบุคลิกของเด็กแล้ว ยังสามารถช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของลักษณะการเดินให้มีท่าทีที่สง่างามได้อีกด้วย เด็กที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นประจำจะเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าแสดงออกให้กับเด็ก ตั้งแต่วัยเยาว์ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักในเสียงดนตรีและการเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาไปสู่การเต้นในรูปแบบอื่นๆต่อไป

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกที่เรียนเต้นบัลเล่ต์ หรือที่เรียนเต้นต่างๆให้ลูก คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงคิดหนักใช่มั้ยคะ ดีแล้วค่ะ คิดให้หนักเถอะ เพราะถ้าเลือกพลาดแล้วเนี่ย แก้ยากค่ะ ครูเต้นอย่างไร เด็กๆก็จะซึมซาบแบบครูผู้สอนค่ะ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องวิตกมากเกินนะคะ เลือกให้เหมาะกับตัวผู้เรียนจะดีที่สุดค่ะ มาดูกันค่ะว่า เบื้องต้นเราจะเลือกอย่างไรกันดี

1. ชื่อเสียงของโรงเรียน ไม่ใช่ชื่อเสียงด้านที่มีสาขามากหรือโปรโมชั่นดีนะคะ สถาบันสอนความเป็นศิลปิน ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อค่ะ Smiley ที่ต้องพูดถึงชื่อเสียงเนี่ย ก็เพื่อความมั่นใจค่ะว่าสถาบันนั้นๆ จะเลือกครูผู้สอนที่มีความเชื่อถือได้ สถานที่และบรรยากาศในห้องเรียนเหมาะสม จำนวนนักเรียนในห้องไม่แออัดจนเกินไป ราคาค่าเรียนยุติธรรม
2. ครูผู้สอน ส่วนใหญ่สามารถขอเข้าไปทดลองเรียนได้ค่ะ ลองสังเกตดูว่าเด็กสนุกสนานกับการเรียนแค่ไหน ครูผู้สอนมีบุคลิกอย่างไร ครูแต่ละท่านท่านก็มี Profile อย่างไร ถ้าคิดว่าไม่คลิ้กกับเด็ก ก็ลองหาท่านอื่นดูได้ค่ะ
3. ตารางเวลาเรียน เรื่องการจัดเวลา อาจเป็นสิ่งยากพอสมควรสำหรับเด็กสมัยนี้ค่ะ เพราะบางคนเรียนพิเศษตั้งหลายอย่าง ต้องเลือกเอาค่ะว่าจะให้น้ำหนักกับสิ่งไหนมากกว่ากัน ส่วนใหญ่สถาบันสอนเต้นบัลเล่ต์จะเปิดสอนทั้งวันในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ค่ะ ส่วนวันธรรมดาจันทร์ถึงศุกร์ก็จะเป็นช่วงเย็นหลังโรงเรียนเลิก แต่ถ้าเป็นคลาสคุณแม่บ้านก็จะเป็นช่วงสายๆค่ะ เพื่อคุณแม่บ้านที่ส่งลูกไปโรงเรียนแล้ว และยังอยากฟิตหุ่นด้วยการเต้น มีเยอะเหมือนกันนะคะคลาสเต้นบัลเลต์แบบนี้ ตัวเจ้าของBlogเองก็เคยสอนทั้งในญี่ปุ่นและไทยค่ะ
4. ราคาค่าเรียน ส่วนใหญ่จะประมาณ350 – 450 บาทต่อหนึ่งชั่วโมงค่ะ ถ้าเรียนแบบส่วนตัวก็น่าจะประมาณ 2,500 ขึ้นไป
5. ชุด บางสถาบันก็จะมี uniform แต่ส่วนใหญเด็กเล็กก็ไม่ค่อยซีเรียสค่ะ ซึ่งก็จะมี ชุดบัลเล่ต์ ถุงเท้าหรือถุงน่องและก็รองเท้าบัลเล่ต์

ศึกษาถึงประโยชน์ของการเรียนบัลเล่ต์ Ballet

บัลเลต์มีองค์ประกอบสำคัญมีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือ การเต้น และดนตรี ซึ่งโดยปกติดนตรีมักจะเกิดขึ้นก่อน แล้วผู้คิดท่าทางเต้น จึงคิดท่าทางต่าง ๆ ให้เข้ากับเพลงนั้นๆ ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการจะเต้นบัลเลต์ควรได้รับการฝึกฝนจากครูและควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อพัฒนาการด้านความอ่อนตัวและกระดูก บัลเลต์มีส่วนช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ แก้ไขข้อบกพร่องของลักษณะการเดินให้มีความสง่างาม เช่น ยืนหลังตรง เพราะบัลเลต์ฝึกให้ยืนหลังตรงหน้าเชิดตลอดเวลา มีพัฒนาการทั้งทางด้าน อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เด็กที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นประจำจะมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าแสดงออกอีกด้วยนอกจากนี้ยัง ฝึกให้มีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัยเพราะมีการสอบเลื่อนระดับทุกปี

ปัจจุบันมีโรงเรียนเปิดสอนหลายแห่ง อย่างเช่น บางกอกแดนซ์ Point Studio โรงเรียนสอนบัลเลย์วราภรณ์-กาญจนา และอื่นๆ

หลักสูตรการเรียนการสอนบัลเลต์

Pre-Ballet สำหรับเด็ก 3 ขวบครึ่ง – 4 ขวบครึ่ง เป็นการสร้างจินตนาการของเด็ก และปูพื้นฐานเบื้องต้น เช่น การยืน การนั่ง การกดปลายเท้า ท่าแขน
Pre-Primary สำหรับเด็ก 4 ขวบครึ่ง – 5 ขวบครึ่ง เป็นการปูพื้นฐานท่าต่างๆ ท่าแขน ท่าเท้า และการกระโดดเบื้องต้น รวมถึงสร้างเสริมจินตนาการไปตามเสียงดนตรี
Primary สำหรับเด็ก 5 ขวบครึ่ง – 6 ขวบครึ่ง เน้นเรื่องเทคนิคมากขึ้น เริ่มมีระบำหรือเพลงที่ยาวขึ้น เริ่มมีการเต้นรำเดี่ยว ส่งเสริมพัฒนาการการรู้จักเต้นให้เข้ากับจังหวะมากยิ่งขึ้น

เกรด 1-8 เริ่มตั้งแต่เด็ก 7 ขวบขึ้นไป ความยากง่ายขึ้นอยู่กับระดับชั้นที่เรียน Advance พื้นฐานการเรียนบัลเลต์ในระดับสูงสำหรับผู้ที่ต้องการยึดเป็นอาชีพต่อไป

หลักสูตร บัลเลต์ผู้ใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการเสริมบุคลิกภาพ ออกกำลังกาย กระชับรูปร่างให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
ประโยชน์ของการเรียนบัลเลต์
1.ทำให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทั้งร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญา
2.ทำให้ผู้เรียนมีสรีระและบุคลิกภาพที่ดี เช่น การยืน เพราะบัลเล่ต์จะต้องยืนหลังตรงหน้าเชิดตลอดเวลา
3.ฝึกให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบและมีระเบียนวินัย เพราะมีการสอนเลื่อนระดับด้วย
4.ส่งเสริมพัฒนาการทางดนตรี เพราะช่วยให้ผู้เรียนรู้จักเพลงคลาสสิค
5.เป็นการปูพื้นฐานการเต้นให้กับผู้เรียน
6.เป็นการปลูกฝังรสนิยมที่ดีให้กับเด็ก