องค์ประกอบของบัลเลท์มีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือการเต้นและดนตรีโดยปกติดนตรีมักจะเกิดขึ้นก่อน

5

องค์ประกอบของบัลเลท์  มีอยู่ด้วยกันสองอย่างคือการเต้น และดนตรีโดยปกติดนตรีมักจะเกิดขึ้นก่อนและผู้คิดท่าทางให้กับดนตรีซึ่งผู้ประพันธ์เพลงประพันธ์เป็นเนื้อเรื่องในลักษณะของดนตรีบรรยายเรื่องราวไว้ ดนตรีบัลเลท์จึงจัดเป็นบทเพลงอีกประเภทหนึ่งที่น่าศึกษา บัลเลท์มีลักษณะคล้าย ๆ กับโอเปรา คือ การนำดนตรีไปรวมกับศิลปะแขนงอื่น ๆ ในบางครั้งบทเพลงประเภทนี้นำไปบรรเลงโดยไม่ใช้การเล่นประกอบ จึงมีลักษณะเป็นดนตรีบรรยายเรื่องราว  เช่น  ดนตรีประกอบการแสดงบัลเลท์แบบโมเดิร์ทดานซ์เรื่อง Appalachian  Spring  ของคอปแลนด์ ในระยะต่อ ๆ มามีผู้นิยมนำมาบรรเลงโดยไม่มีการแสดงประแต่ประการใด ดนตรีบัลเลท์มีลักษณะคล้ายซิมโฟนิคโพเอม คือ ใช้วงออร์เคสตราบรรเลงโดยมีหลายตอนตามเนื้อเรื่องที่ใช้การเต้นเป็นสื่อในการเสนอเรื่องราว

บัลเลท์ก็มีลักษณะคล้ายโอเปรา กล่าวคือเป็นการแสดงบนเวทีโดยมีตัวละครซึ่งใช้การเต้นเป็นหลักไม่มีเจรจาใด ๆ มีการแต่งตัว มีการจัดฉากและที่สำคัญ คือการใช้ดนตรีบรรเลงประกอบในลักษณะเดียวกับโอเปราและใช้วงออร์เคสตราบรรเลง การแสดงบัลเลท์มีการแบ่งเป็นองก์ เป็นฉากและมีเพลงนำเช่นเดียวกับโอเปรา ลักษณะของเพลงอาจะเป็นการบรรบายเรื่องราวหรือการใช้ไลฟ์โมทีฟเช่นเดียวกับโอเปรา กล่าวคือ การใช้แนวทำนองแทนตัวละครหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างแน่นอนและครั้งใดก็ตามที่ตัวละครตัวหนึ่่งปรากฏขึ้น  ดนตรีจะบรรเลงทำนองนั้นเสมอ  เช่น  เดียวก็บเหตุการณ์หนึ่ง ๆ โดยเหตุที่ตัวละครในบัลเลท์ไม่มีการร้องหรือเจรจาเป็นภาษาพูดในลักษณะของโอเปรา ดนตรีจึงมีความสำคัญมากเนื่องจากการสื่อภาษาต่าง ๆ ใช้ดนตรีถ่ายทอดโดยตลอดร่วมกับการเคลื่อนไหวในลักษณะของการเต้น ซึ่งเปรียบได้กับบทละครของโอเปราลักษณะพิเศษของบัลเลท์คือ การใช้ปลายเท้าเต้นโดยการเคลื่อนไหวลักษณะต่าง ๆ ด้วยการสวมร้องเท้าบัลเลท์ที่หนุนให้เท้าสามารถเขย่งได้อย่างมั่นคง ผู้คิดท่าเต้น จึงจะเป็นผู้หนึ่งที่มีความสำคัญมาก ดังนั้นถ้าผู้ชมบัลเลท์ต้องการติดตามเรื่องราวให้เข้าใจโดยตลอดอย่างแจ่มแจ้งจึงควรอ่านเนื้อเรื่่องในแต่ละองก์ แต่ละฉากก่อนชมบัลเลท์จะทำให้ติดตามชมบัลเลท์ได้อย่างเป็นเรื่องราวไม่น่าเบื่อ การชมบัลเลท์แต่ละครั้งผู้ชมจึงควรอ่านสูจิบัตรเสียก่อน  เพราะในสูจิบัติจะมีรายละเอียดเรื่องราวของบัลเลท์กล่าวไว้เสมอ