ซูชิข้าวปั้นข้าวปลาอาหารยอดนิยม ข้าวปลาอาหารประเทศญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักมักคุ้นกันดี

ซูชิไม่ใช่หรือที่เรียกกันว่าข้าวปั้น  ข้าวปั้นมีหน้าต่างๆมากมายนั้นเป็นข้าวปลาอาหารของญี่ปุ่น มีองค์ประกอบของข้าวพร้อมกับน้ำส้มสายชู กินคู่กับปลา เนื้อ ไม่ก็ กับข้าวกลุ่มหลาย ในที่ประเทศญี่ปุ่น ซูชิ โดยมากหมายความว่าโภชนาที่มีส่วนผสมของ ซูชิเมะชิ ( ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมด้วยครับทั้ง อาหารทะเล พืชผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือไม่ เนื้อที่ผ่าน ขั้นตอนทำครัวจึงเอามาเป็นหน้าซูชิได้เหมือนกัน

คำว่าซูชิ คงชินหูใครหลายคน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังคิดไม่ออกว่าแท้จริงแล้วซูชินั้นมันคืออะไรและหน้าตามันเป็นอย่างไรกันแน่

ซูชิ เป็น การรวมระหว่างปลาพร้อมทั้งข้าว ซูชินั้นมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วครับ ซึ่งเกิดจากความประสงค์ที่จะถนอมอาหารของชาวอาทิตย์อุทัย คำว่า “ซูชิ” นิยมหมายความว่า นิงิริซูชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเสียงเป็นหมู่พร้อมทั้งมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น

หากกล่าวถึงข้าวปลาอาหารญี่ปุ่นที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก เชื่อว่าหลายท่านก็คงต้องพิจารณาถึง ซูชิ เป็นอันดับต้นๆ พร้อมทั้งในเมืองไทยก็ด้วยครับ เราจะเห็นได้จากมากมายที่ไม่ว่าจะเป็น ตลาดนัด ร้านขายของสะดวกซื้อ ร้านขายของอาหารญี่ปุ่นในศูนย์การค้า ไปจนถึงระดับภัตตาคารก็มีซูชิให้เราได้เลือกเฟ้นบริโภคกัน

เรื่องด้วยว่าการทานซูชิที่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ จริงๆแล้ว เรื่องเล็กๆ หากเราเฉยไปก็มิได้ผิดอะไรหรอกครับ แต่ถ้าว่าเราจะรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของสิ่งนั้นเพิ่มขึ้น เรื่องเล็กน้อยของซูชิก็เช่นกันครับ มันมีแนวคิดรับประทานซูชิที่ถูกต้องอยู่ว่า เริ่มกินจากปลาที่มีรสอ่อนก่อน แล้วจึงค่อยไล่ไปหาปลาที่รสที่เข้มข้นเพิ่มต่อๆไป การกินลำดับเช่นนี้จะทำให้ปลาที่รสข้นกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากรับประทานปลาทูน่ามันๆ ก็จะทำให้รสชาติของปลาทูน่าไปกลบปลาที่รสชาติอ่อนกว่าอย่างปลาสีแดง

BIM100 สารสกัดจากมังคุดที่ดีที่สุด

คนอาจจะรู้จักใน BIM100 กันโดยมากมากแต่แท้จริงแล้วมาจากสารในมังคุดที่แสดงศักยภาพที่กล่าวมาแล้วมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ polysaccharides และ xanthones ในช่วงปี ค.ศ. 2005 – 2006 บริษัทอเมริกันกงสีหนึ่งจัดจำหน่ายน้ำมังคุดโดยใช้การตลาดพร้อมกันกับหนังสือผลการวิจัยคุณสมบัติมังคุด ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยนักวิทยาศาสตร์ไทยเป็นเป็นส่วนใหญ่ ได้รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท และผู้ใช้ผลิตผลต่างได้รับคุณประโยชน์จากสรรพคุณ ของผลิตผลนี้ในการ ค้ำชูสุขภาพ ปัจจุบันนักศึกษาวิจัยผลผลิตธรรมชาติทั่วโลกจึงยอมรับกันว่า xanthones เป็นสารธรรมชาติที่มีศักยภาพสูงในการช่วยสร้างเสริมสุขภาพพร้อมทั้งแก้ไขปมอนามัย

อย่างไรก็ตามคณะนักวิจัยของเราอยากให้ผู้ซื้อ bim100 ได้ตระหนักว่า สารกลุ่ม xanthonesในผลมังคุด มีอยู่ทั้งสิ้นกว่า 40 อย่าง แต่มีเพียงบางชนิดเท่านั้นที่เป็นอรรถประโยชน์ บางชนิดนอกจากจะไม่มีผลดีแล้ว ยังอาจมีความผิดในเชิงก่อให้เกิดปฏิกิริยาข้างเคียงด้วยและสารที่เป็นอรรถประโยชน์หากใช้น้อยไปก็จะไม่แสดงคุณสมบัติ พร้อมทั้งเมื่อใช้มากไปก็อาจจะเกิดปฏิกิริยาข้างเคียงได้ ดังนั้นการนำ xanthonesไปใช้ในการเสริมสร้างอนามัย พร้อมทั้งแก้ไขโจทย์สุขภาพอนามัย จึงจำเป็นต้องใช้ให้เผงและใช้ในผลรวมที่พอเหมาะพอควรเท่านั้น

bim100 จึงต้องคำนึงถึงความสะดวกติดจะมาก สังเกตก่อนจะซื้อของทานทุกครั้งเลยนะคะเพื่อความสะดวกของตัวเรา

BeQuaLa บีควอล่า ตอบโจทย์ได้ทุกปมปัญหา

BeQuaLa ถึงเวลาอำลาคำถามผิวหน้า เป็นสิว ฝ้า หน้าหมองคล้ำ รอยเหี่ยวย่น ตีนกา หน้าคล้ำแดด BeQuaLa เอาอยู่

สรรพคุณของ BeQuaLa (บีควอล่า)

– ลดสิว สิวอุดตัน สิวเสี้ยน จุดด่างดำที่เกิดจากสิว สิวผด สิวผื่น

– ลดฝ้า กระ รูขุมขนกว้าง

– ช่วยซ่อมผิวแพ้ครีมสารเคมีรุนแรง โดนสารสเตียรอยด์ หน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

– เปลี่ยนหน้าสิวให้เป็นหน้าใส เห็นความผันแปรภายใน 7 วัน

เพียงกระบวนการง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกันตัวฟื้น ปรับปรุง ซ่อม และเสริมสร้างเซลล์ผิวให้สุขภาพดี  ด้วยผลิตภัณฑ์คุณลักษณะ BeQuaLa ที่จะดูแลผิวจากปมต่างๆ ได้อย่างเห็นผลจริง

BeQuaLa ยิ่งด้วยสารบำรุงต่าง อาทิ โสม ทานาคา ไข่มุก วิตามินบี 3 วิตามินซี เห็ดหลินจือ  ผงไหม บัวบก คอลลาเจน และสะเดาอินเดีย ที่มีอยู่ในครีมบำรุง พร้อมกับสบู่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงทุกขณะ ตั้งแต่การล้างหน้า ทำความสะอาดผิว พร้อมด้วยกระบวนการการรักษา ที่จะเอาใจใส่ดูแลได้อย่างล้ำลึก อภิบาลได้อย่างมาก

BeQuaLa ปนเปคุณค่าสารบำรุงต่างๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันสมัยใหม่ จึงได้ของซื้อของขายอันทรงคุณค่า ที่จะช่วยดูแลดูแล ฟื้นฟู ให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างเห็นผล และมีความสะดวก

อุดม

แบบที่นิยมมากที่สุดเป็นประตูโรงรถเหนือหัวไฮเทค

ประตูโรงรถเหนือศีรษะอยู่ไกลจากประตูโรงรถที่เป็นที่นิยมมากสำหรับเจ้าบ้าน ด้วยคุณสมบัติการหยุดและเริ่มโดยอัตโนมัติผู้คนคัดสรรประตูโรงรถเหนือหัวที่ใช้งานง่ายมีตัวเลือกสรรที่ยอดเยี่ยมและคุณสมบัติด้านความปลอดภัย

ประตูโรงรถเหนือหัวทำงานร่วมกับระบบรีด ประตูม้วนขึ้นและจัดเก็บไว้ตามประทุนโรงรถ คุณลักษณะทางเข้าออกโสหุ้ยที่จะแลหาคือว่าเขาทั้งหลายจะราบรื่นเงียบและมีขนาดกะทัดรัด การตั้งประตูโรงรถเหนือหัวเรียบง่าย ทำเองหรือขอการช่วยเหลือจากผู้ประดิษฐ์ ผู้สร้างประตูโรงรถยอดนิยม เช่น Garaga, Liftmaster, Raynor หรือ DBCI

ประตูโรงรถไม้เป็นที่ต้องการเยอะขึ้นเพราะด้วยรูปลักษณ์พร้อมทั้งความสามารถเฉพาะในการจ่ายแจกมากกว่าความทนทานของเขาทั้งหลาย คุณอาจจะเลือกสรรชนิดของไม้เช่นไม้ซีดาร์ที่เป็นของแข็งสำหรับประตูโรงรถที่ทนซึ่งจะมีอายุการใช้งานนานหลายปีพร้อมกับดูยอดเยี่ยม ส่วนของทางเข้าออกไม้ม้วนอาจมีการติดตั้งแผงไม่ก็ล้าง เพื่อประตูบานตู้ผู้ประกอบการจะจัดตั้งแผงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแยกเป็นหลาย ๆ แบบในกรอบไม้ ส่วนชำระล้างจะทำโดยการยึดแผงไม้อัดที่ส่วนบนของกรอบไม้

ข้อด้อยกว่าหลักของประตูโรงรถไม้คือไม้ขยายขอบเขตพร้อมกับทำความตกลงและอาจบิดเบี้ยวหรือร้าวเพราะสภาพอากาศปรวนแปร มันพึงปรารถนาการแต้มสีใหม่หรือ refinishing ทุกสองปีเพื่อที่จะให้มันเรียบร้อยพร้อมทั้งอยู่ในสภาวะดี หากเราทำการคัดเลือกใช้งานไม้ที่ดี ประตูโรงรถของเราจะทนทานพร้อมกับใช้งานไปได้อย่างยาวตลอดไปกันเลยเชียว

ธุรกิจการค้ารับจำนำรถมอเตอร์ไซค์

การรับจำนำรถยนต์ เป็นอีกหนทางที่หลายคนการตั้งกฎเกณฑ์ใช้ กรณีมีข้อสงสัยการเงินขาดสภาพคล่องขับรถมาหาเราสิค่ะ        www.รับจำนำรถทุกรุ่น.com เราพร้อมบริการ  ให้สบาย แก่คุณ  ไม่ต้องง้อใคร เป็นพิเศษหากรถคันดังกล่าวไม่ได้ติดไฟแนนซ์ ถูกโอนเป็นชื่อเจ้าของพร้อมแล้ว รถอยู่ในฐานะปกติ ไม่มีปัญหาอะไร การจำนำก็จะง่ายพร้อมกับสะดวกด่วน การจำนำมีหลายแบบ เช่น จำนำรถมอเตอร์ไซค์  จำนำทะเบียน จำนำจอด จำนำรถที่ยังติดไฟแนนซ์ รถยนต์ จำนำรถป้ายแดง จำนำรถกับศูนย์จำนำเถื่อน

จำนำรถกับศูนย์จำนำเถื่อน

หากคุณไปใช้ให้บริการกับศูนย์รับจำนำรถเถื่อน  เรียกชื่อเสียน่ากลัว แต่ก็เข้ามาแล้วนี่ ไม่ยอมตกเทรนหรอกค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ออกไปทางอีสานใต้ ไปช่องจอมนู่น ในขณะนั้นอยู่กรุงเทพนะค่ะไปไกลเช่นกัน ศูนย์จำนำเถื่อนหรือผู้ให้บริการยังงี้จะเป็นศูนย์รับจำนำตามชายแดนมากกว่า ผู้ใช้บริการส่วนมากจะเป็นนักลองไปเล่นการเสี่ยงโชค เงินหมด ก็จำนำรถเสียเลย เอาเงินไปเล่นต่อ รายที่มีเอกสารพร้อม ยิ่งสามารถโอนได้ ก็จะได้ราคามากกว่า บางรายเอกสารไม่พร้อม ก็รับจำนำ แต่ได้เงินน้อย ราคาหลายแสนอาจจะจำนำได้ไม่กี่หมื่น หากไม่ไปรับรถในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ส่งดอกเบี้ย ก็มีสิทธิถูกส่งเข้าประเทศเพื่อนบ้านได้สบายๆ ต้องทำใจทั้งคนจำนำด้วยกันรับจำนำ  ทางที่ดีเราชี้แนะให้ท่านใช้บริการกับศูนย์รับจำนำที่ถูกข้อบังคับดีกว่าค่ะ  ปลอดภัย  อุ่นใจ  ไม่ต้องคอยระแวงว่ารถของท่านจะยับย่อย  ทางศูนย์บริการรับจำนำรถพร้อมปกครองรถของคุณเป็นอย่างดีตายตัวค่ะ

 

 

การคัดเลือกซื้อตู้เซฟควรมีวินิจให้เข้ากับการใช้งาน

หากคุณหมายเลือกซื้อตู้เซฟควรมีแนวทางตริตรองแบบนี้ค่ะ

  1. ต้องทราบเป้าประสงค์ในการใช้งานผลิตภัณฑ์ก่อน ว่าจะนำไปเก็บสิ่งใด เหตุเพราะสินค้าจำพวกตู้เซฟนั้นมีอยู่มากมายแบบ เช่น เก็บรักษาทรัพย์มีค่า รักษาสิ่งพิมพ์ เก็บรักษาข่าวสารคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
  2. ต้องทราบว่าจะเก็บธนสมบัติมากน้อยแค่ไหน เหตุที่ต้องคำนึงเพราะว่าตู้เซฟในนานาๆรุ่นจะมีปริมาตรข้างในต่างๆกัน มีชั้นวางของต่างๆกัน ในบางขณะหากสั่งจับจ่ายใช้สอยไปแล้วเกิดขนาดเล็กไปอาจไม่ได้ผิดเผื่อรองรับสมบัติพัสถานในเบื้องหน้าคงทำให้ท่านเสียค่าใช้จ่ายในการจัดหาตู้เซฟใบใหม่อีกก็สิ้นเปลืองอีกค่ะ
  3. ต้องทราบที่ในการวางของซื้อของขายในสถานที่ต้องการใช้งานด้วย ตู้เซฟยี่ห้อบางยี่ห้อมีประเด็นสำคัญในเรื่องของความหนักเบาที่เยอะ หากไม่ได้ปรึกษาทางคณะทำงานฝ่ายขายก่อนสั่งซื้อท่านอาจจะนำตู้เซฟไปวางไว้บนชั้นต่างๆที่ต้องการไม่ได้ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงโครงสร้างของอาคารที่จะวางตู้เซฟ หรือคำนึงถึงวิธีการนำเซฟขึ้นไป หากเป็นลิฟท์ก็ต้องมีการปรึกษาผู้รับผิดชอบลิฟท์ก่อน
  4. ต้องการระบบความปลอดภัยในการใช้งานมากน้อยแค่ไหน ของซื้อของขายบางตัวออกแบบมามีระบบกันเจาะ บางรุ่นมีระบบกันไฟ หรือบางรุ่นมีทั้งกันเจาะและกันไฟ หรือเป็นได้เป็นระบบอิเล็คทรอนิกส์ ด้วยกันในบางรุ่นก็จะมีระบบเปิดอัตโนมัติ Time Lock ซึ่งจะต้องลองถามข่าวทางฝ่ายขายก่อนตัดสินใจเลือกสรรซื้อ ในส่วนที่เหตุด้วยบานพับ ควรเลือกเฟ้นหาตู้เซฟที่มีเดือยยื่นออกทั้งสองด้าน

เลือกรถบังคับอย่างไรให้ถูกใจผู้เล่น

การทำความรู้สึกพร้อมทั้งรู้เกี่ยวข้องรถบังคับเป็นสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับคุณ   ถ้าหากคุณตั้งใจที่จะเลือกคัดซื้อรถบังคับเกี่ยวกับงานอดิเรก หรือตั้งใจจะนำไปแข่ง   โดยฐานรากแล้วรถบังคับมีอยู่ 5 แบบด้วยกัน โดยเลือกจากรถที่ใช้แข่งในพื้นที่ตะปุ่มตะป่ำ จะมาในรูปร่าง เครื่องยนต์ไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมกันมาก   รถยนต์แข่งในโซนขรุขระจะมีระบบกันสะเทือน พร้อมด้วย สามารถวิ่งได้ในทุกพื้นผิว  มันยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ในการคัดล้อรถสำหรับโมเดล  มันไม่ค่อยพึงปรารถนาการซ่อมบำรุงมากนักแค่เพียงประกอบกิจ   บนถนน รถ ถรบรรทุก รถขนาดเล็ก หรือตัวเลือกอื่นๆ ก็จะถูกเลือกโดยขึ้นอยู่กับงบประมาณ ระดับความรู้ความเข้าใจ ขอคุณ   พร้อมกับขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากได้ หลายต่อหลายแบบแผนจะมาพร้อมกับกำลังแรงงานสำรองเล็กๆ    ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงไนโตร หรือ แบบไฟฟ้าก็ตามที   นักเล่นรถบังคับสามารถคัดได้หลายชนิดกับทั้งสิ้นมีแลกเปลี่ยนที่ตลาด    รถแข่งขนาดจิ๋วระดับไมโครเป็นอะไรที่สนุกมากในการบังคับ มันเจ๋งจริงๆในการขับเคี่ยวในขอบเขตเล็ก ๆพวกมันสามารถวิ่งไปตามพื้นครัว   มันมีขนาดเพียงแค่ 5-6 นิ้วเองเท่านั้นแต่บางรุ่นก็ใหญ่ถึง 9 นิ้วเลยด้วยกัน เทคโนโลยีระดับสูงในด้านวิศวะได้ทำให้เกิดคุณลักษณะใหม่ๆ

เช่นขับเคลื่อนด้วยสองล้อ ความเป็นสัดส่วนสมบูรณ์แบบ ความลงตัวในเรื่องของระบบกันกระแทก นอกจากนี้พวมันยังทำให้เราสนุกมากกว่านั้นแน่นอน   ถ้าคุณกำลังมองหาความท้าทายด้วยการกระแทก โดด แล้วล่ะก็การแข่งรถขนเป็นสิ่งที่คุณกำลังมองหา พวกมันจะมีระบบกันกระแทกสูงมาก และมีขนาดใหญ่โต    รวมไปถึงยางขนาดใหญ่ พวกมันถูกสร้างมาให้กระโดด ชนให้ล้ม อยู่ให้รอด แล้วลงโทษคันอื่นๆ และทำให้รถคันอื่นหยุดทำงาน   รถทุกรูปร่างย่อมแตกต่างกันไปตามการแข่งขันต่างๆย่อมมีได้เปรียบเสียบเปรียบ รถที่เป็นที่การกำหนดออกจะตายของ RC ก็คือ  ROAR แลพ NORRCA ซึ่งรายละเอียดของพวกนี้สามารถหาได้ตามเว็บไซท์ส่วนกลางของ RC hobby

การเลือกสรรซื้อที่นอนให้สมกันกับผู้สูงอายุ

โดยจำนวนมากคนชราจะมีท่าทีปวดหลัง ด้วยเหตุว่าเกิดการเสื่อมไปตามวัยของกระดูกสันหลังพร้อมด้วยข้อต่อ จึงมักเห็นผู้สูงวัยหลังคด หรือ งอ ปวดร้าวลงขา ซึ่งนับวันคนไทยจะมีอายุที่ยืนยาวขึ้น  โดยสมัยนี้คนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี  คิดเป็น 9-10%ของประชากร หรือประมาณ 6-7 ล้านคน  ต้องมีการชั่วร้ายของกระดูกสันหลังเกิดขึ้น  อาจมีท่วงท่าบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลัง โก่ง คด งอ เลื่อนไปด้านหน้า ด้านข้าง หรือแนวบั้นเอว เป็นต้น การหลับโดยนอนบนที่นอนที่ถูกที่กับคนสูงวัยเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังของผู้มีอายุได้ โดยวิธีการเลือกซื้อที่นอนที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมีกระนี้

ความหนาของที่นอน

ความหนาของที่นอนแบ่งตามหมวดของเครื่องมือที่ใช้ทำที่นอนเป็นสำคัญ โดยในสมัยนี้ที่นอนจะมีความหนาอยู่ระหว่าง 6-12 นิ้ว ซึ่งความหนาที่เหมาะกับคนสูงวัยนั้นมีช่องทางดังต่อไปนี้

  1. ถ้าเป็นที่นอนสปริง ควรเลือกสรรที่นอนที่มีความหนามากหน่อยควรมีความหนาของที่นอนเกิน 10 นิ้วขึ้นไป

2.ถ้าเป็นที่นอนยางพารา อาจจะไม่ต้องเน้นที่ความหนามากนักเนื่องจากที่นอนยางพาราถ้ายิ่งหนาจะยิ่งมีความหนักเบามาก ยากต่อการผลัดผ้าปูที่นอน หรือย้ายถิ่นซักฟอก ครั้นแล้วความหนาของที่นอนยางพารา ไม่ควรเกิน 8 นิ้ว หรือถ้าที่นอนหนาเกิน 8 นิ้วจะต้องมีน้ำหนักพอที่จะสามารถยกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนคนเดียวได้

ที่นอนที่เหมาะกับผู้อาวุโสนั้นจะต้องเน้นที่นอนที่มีความยัดเยียดหรือ Density มากหน่อย โดยแบ่งวิธีเลือกเฟ้นออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่นอนสปริง พร้อมทั้งกลุ่มที่ไม่ใช่สปริง โดยมีเรื่องประกอบดังนี้

1.ที่นอนสปริง จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ สปริงต่อเนื่อง พร้อมกับสปริงแยกอิสระหรือ Pocket spring

  1. ที่นอนหน่วยที่ไม่ใช่สปริง

‘ออมมิ ณัฐนรี พิพิธสุขสันต์’ นักบัลเล่ต์สาวไทยในวงการบัลเล่ต์ระดับโลก

ballet-cover

ออมมิเริ่มเรียนบัลเลต์ตั้งแต่อนุบาล 3 ที่โรงเรียนมาแตร์เดอี พอเข้า ป.1 คุณแม่ก็อยากให้ทำกิจกรรมและประกอบกับตอนนั้นตัวเล็ก ตอนเด็กๆ เป็นคนไม่ค่อยกินข้าว คุณแม่กลัวก็เลยคิดว่าควรไปออกกำลังกายจะได้เหนื่อย แล้วกินข้าวจะได้ตัวสูงๆ ตอนป.1 ออมมิก็เลยได้ไปเรียนบัลเลต์กับเพื่อน 20 กว่าคน เริ่มเรียนที่โรงเรียนวราพร-กาญจนาบัลเลต์สกูล หรือคนไทยรู้จักกันว่าโรงเรียนบัลเลต์หลังสวน เริ่มตั้งแต่เลเวลแรก ซึ่งชื่อว่า Pre-Primary เวลาเราไปเรียนเหมือนได้วิ่งโบกผ้าแล้วจินตนาการว่าเป็นเจ้าหญิงบ้างอะไรบ้าง เหมือนไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ออมมิก็รู้สึกตกหลุมรักทันทีเลยรู้สึกสนุกและมีความสุข

โบยบินสู่ต่างแดน

จุดหักเหจริงๆ คือตอนที่ออมมิสอบ RAD ระดับ Advance กับ Solo Seal ที่ผู้ทดสอบจากต่างประเทศบินมาสอบ แล้วเขาก็คุยกับคุณครูออมนิว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์มาก เขาก็แนะนำให้ไปเรียนต่อที่ The Royal Ballet School ที่ลอนดอน ถือว่าตอนนั้นเป็นจุดหักเหที่เราจะเรียนเป็นมืออาชีพ ตอนนั้นอายุ 15 ก็เลยบินไปที่ประเทศอังกฤษอยู่ที่ลอนดอน

เข้าไปสักประมาณเดือนครึ่งก็มีการแข่งขัน Adeline Genee International Ballet Competition ซึ่งคนที่จะประกวดเข้ามาต้องมีอายุ 15-19 เท่านั้น ออมมิเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขัน คุณครูบอกว่าไหนๆ เราจะเข้าไปอังกฤษอยู่แล้วทำไมไม่ไปแข่งหาประสบการณ์ไปเลย  เราก็โอเคเข้าไปแข่งโดยไม่ได้คิดอะไรแต่ก็ได้ชนะเลิศเหรียญทองมา แล้วก็เป็นปีที่สร้างประวัติศาสตร์ตรงที่ว่าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดของการแข่งขันนี้เลย ซึ่งปีนั้นครบรอบ 70 ปีของการแข่งขันด้วย และก็เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เหรียญทอง

หัวใจสำคัญของนักบัลเล่ต์

การเต้นบัลเลต์ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเตะขาได้สูงแค่ไหน เพราะเด็กสมัยนี้ก็ทำได้ แต่คนที่เป็นพริ้นซิเพิ้ลแดนเซอร์คืออาร์ทติสท์ที่จุดนี้มันอธิบายยากมาก สอนเทคนิคสอนได้หมด แต่จะสอนความเป็นศิลปิน ความมีออร่าเป็นนางเอกมันสอนกันไม่ได้ มันต้องมาจากข้างใน

ที่มาที่ไป ”บัลเล่ต์” ในไทย (Ballet Dance)

%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%9b-%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%95%e0%b9%8c-%e0%b9%83%e0%b8%99

ประวัติความเป็นมาของบัลเล่ต์นั้น ในประเทศไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค  ตามวิวัฒนาการทางด้านการศึกษาและการแสดง

ยุคที่ 1 ยุคนี้เป็นยุคริเริ่ม (ตั้งแต่ พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2494)   เริ่มมีการเรียนบัลเลต์ในโรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ใน พ.ศ. 2477 ตรงกับสมัยรัชการที่ 7 เป็นการสอนแบบอิสระโดยให้นักเรียนเต้นตาม การแสดงจะเป็นการเต้นประกอบเพลงในละครเพื่อคั่นสลับฉาก รูปแบบการนำเสนอของบัลเล่ต์เข้ามามีบทบาท กับการแสดงนาฏยศิลป์ไทยโดยเฉพาะในละครดึกดำบรรพ์

ยุคที่ 2 ยุคพัฒนาบัลเล่ต์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2494 ถึง พ.ศ. 2509)  บัลเล่ต์เริ่มมีการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากมีครูบัลเล่ต์อาชีพจากต่างประเทศจำนวน 4 คนเปิดสอนบัลเล่ต์ในกรุงเทพฯ การสอนยังเป็นแบบอิสระและมักเป็นการซ้อมเพื่อแสดง มีคนไทยจำนวน 4 คนจบการศึกษาบัลเล่ต์ขั้นสูงจากประเทศอังกฤษ บัลเล่ต์เริ่มขยายไปสู่จังหวัดเชียงใหม่ การแสดงเป็นบัลเล่ต์คลาสสิกและการผสมระหว่างนาฏยศิลป์ไทยกับบัลเล่ต์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประพันธ์บทเพลงเพื่อใช้ประกอบการแสดงบัลเล่ต์หลายชุด และทรงให้การสนับสนุนการแสดงบัลเล่ต์ จึงทำให้บัลเล่ต์เป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น

และในยุคที่ 3 ยุคมาตรฐานบัลเล่ต์คลาสสิก (ตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ถึง พ.ศ. 2541) การเต้นบัลเล่ต์ได้พัฒนาจนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของหลักสูตรการศึกษาของไทยในระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา และได้มีการแพร่ขยายไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ การสอนเปลี่ยนแปลงมาเป็นการใช้หลักสูตรสากลของประเทศอังกฤษ เป็นการวัดมาตรฐานบัลเล่ต์ของประเทศไทยให้ได้มาตรฐานสากล การแสดงเป็นบัลเล่ต์คลาสสิก โดยมี 2 ลักษณะ คือ การแสดงงานโรงเรียนและการแสดงในเชิงพาณิชย์ ในประเทศไทยยังไม่มีคณะบัลเล่ต์อาชีพ และผู้สนับสนุนบัลเล่ต์อย่างจริงจัง ทำให้การพัฒนาไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งควรมีการแต่งตำราเกี่ยวกับบัลเล่ต์เป็นภาษาไทย เพื่อให้นักเต้นได้รู้และเข้าใจการเต้นบัลเล่ต์ดียิ่งขึ้น และงานวิจัยฉบับนี้ควรนำไปสู่การวิจัยเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนาบัลเล่ต์ในประเทศไทยต่อไป

ประโยชน์ของการเรียนบัลเล่ต์ Ballet

การเรียนบัลเล่ต์ นอกจากจะช่วยพัฒนาบุคลิกของเด็กแล้ว   ยังสามารถช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของลักษณะการเดินให้มีท่าทีที่สง่างามได้อีกด้วย   เด็กที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นประจำจะเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง   ร่าเริงแจ่มใส เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าแสดงออกให้กับเด็ก  ตั้งแต่วัยเยาว์ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักในเสียงดนตรีและการเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ  ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาไปสู่การเต้นในรูปแบบอื่นๆต่อไป

ทำให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

เพื่อพัฒนาสรีระให้เกิดความสมดุลของร่างกาย แก้ไขปัญหาในเรื่องบุคลิกภาพ การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายแข็งแรง ปรับพฤติกรรมด้านอารมณ์ ผู้ที่เรียนจะมีอารมณ์ที่เย็นลง นุ่มนวล มีความอดทนมีสมาธิ คิดก่อนทำ ในการเต้นร่วมกับผู้อื่นทำให้เรามีความสามัคคี ความพร้อม ความจำที่ดี เสียงดนตรี ทำนองเพลงคลาสสิค ช่วยกล่อมเกลาให้เกิดความละเอียดอ่อนในตัว การแสดงออกอย่างถูกต้องต่อหน้าสาธารณชน  เป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จในชีวิต บัลเล่ต์จึงเป็นกิจกรรมพิเศษของเด็กที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งและเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนการเต้นทางด้านอื่นๆได้อย่างดี

ทำให้ผู้เรียนมีสรีระและบุคลิกภาพที่ดี เช่น เวลายืน เพราะการยืนแบบบัลเล่ต์จะต้องยืนหลังตรงหน้าเชิดตลอด

ฝึกให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัย เพราะมีการสอนเลื่อนระดับทุกปี

ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านดนตรี ช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักเพลงคลาสสิค

เป็นการปูพื้นฐานการเต้นทุกชนิดให้กับผู้เรียน หากเริ่มเรียนบัลเล่ต์ไปได้สักระยะหนึ่งแล้วผู้เรียนสามารถที่จะเรียนการเต้นรำชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสเก็ตน้ำแข็ง การเต้นลีลาศ ยิมนาสติกลีลา ระบำใต้น้ำ แจ๊ส ระบำสเปน หรือแม้กระทั่งฮิบฮอป ได้ง่ายขึ้นมากกว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานบัลเล่ต์มาก่อน

ปลูกฝังรสนิยมที่ดีให้กับเด็ก

วิธีฝึกท่ายืดหยุ่นบัลเลต์ขั้นพื้นฐานด้วยตัวเอง

%e0%b8%89%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%b2

1. ท่าฉีกขา

– ฉีกขากับผนัง  ท่านี้จะนั่งหันหน้าเข้าหาผนัง พยายามแยกขาออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำไว้ว่าพอรู้สึกตึงๆ ก็คือโอเคแล้ว อย่าฝืนแยกเยอะเกินเดี๋ยวเจ็บแล้วอาจจะอันตราย ค่อยๆ ทำไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็แยกได้กว้างขึ้นเอง และอย่าลืมเก็บปลายเท้า

– ฉีกขาแล้วให้คนช่วยยัน  ท่านี้ต้องมีคนช่วยอีก 1 คน โดยนั่งแยกขา และเก็บปลายเท้าด้วย หันหน้าเข้าหาเพื่อน จับมือกันไว้ทั้ง 2 ข้าง จากนั้นให้เพื่อนช่วยใช้ขาทั้ง 2 ข้างของเพื่อนยันขาเราออกให้อ้าได้กว้างขึ้น

– ฉีกขาแล้วก้ม  ท่านี้นั่งแยกขาเก็บปลายเท้า แล้วก้มตัวให้หน้าผากแตะถึงขาแต่ละข้าง คล้ายๆ ท่าพาดบาร์แต่เพียงแค่ท่านี้ทำกับพื้น นอกจากก้มไปแตะขาสองข้างแล้วจะก้มมาข้างหน้าตรงๆ ให้หน้าผากแตะพื้นด้วยก็ได้ สำหรับก้มมาข้างหน้านี้ให้ใช้มือจับข้อเท้าไว้ด้วย ถ้าหน้าผากไม่ถึงพื้นไม่เป็นไร

 

%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c

 

2. ท่าพาดบาร์  อันดับแรกก็ต้องหาบาร์หรืออะไรซักอย่างที่สามารถยกขาไปพาดได้ซะก่อน แน่นอนว่าท่านี้ต้องทำทีละข้างนะ พอยกขาไปพาดบาร์ (ส่วนที่สัมผัสบาร์ก็คือเท้า) จากนั้นอย่าลืมเก็บปลายเท้าด้วยล่ะ เอามือจับข้อเท้าไว้แล้วก็ก้มลงไปให้หัวชิดขาเลย ค้างไว้ประมาณ 20 วินาทีเหมือนเดิม พอครบแล้วก็เปลี่ยนไปทำกับขาอีกข้าง

 

%e0%b8%9c%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad

3. ท่าผีเสื้อ ท่านี้หลายคนอาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว ก็คือ นั่งเอาฝ่าเท้าชนกันแบบในรูป ใช้มือจับเท้าไว้ ดึงเท้าให้มาชิดๆ กับลำตัว พยายามกดขาลงไปติดพื้นให้ได้มากที่สุด แรกๆ อาจจะยังไม่ติดก็เอาแค่ให้รู้สึกตึงๆ ท่าผีเสื้อจะมี 2 แบบ คือ

– ขยับขาขึ้น – ลงไปมา

– ก้มลงไปให้หัวชิดเท้า

 

%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b9%89%e0%b8%87

4. ท่าสะพานโค้ง ท่านี้คงรู้จักกันดี สะพานโค้งนี่มีสองแบบ คือ

– แบบธรรมดา นอนหงาย เอามือทั้งสองข้างยกมาวางไว้แถวๆ พื้นข้างหู แล้วดันตัวตัวเองขึ้น

– แบบแอดวานซ์ แบบนี้ไม่แนะนำเท่าไหร่ ดูอันตรายกว่าแบบแรก แต่ถ้าใครมีทักษะพอสมควรพร้อมทำท่าสะพานโค้งแบบนี้ คือ ยืนแล้วชูมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ แบมือ เหยียดแขนตรง จากนั้นเอนหลังลงไปแตะพื้นเลย พยายามมองหาพื้นให้ดีก่อนเอนตัวลงไปหมด

ประโยชน์การเรียนบัลเลต์สำหรับเด็กทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

buenos-ninos-children-girl-performance-leotard-costume-dance-font-b-tulle-b-font-suspender-font-b

บัลเลต์เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ศาสตร์หนึ่งซึ่งถ่ายทอดกันมาหลายศตวรรษ บัลเลต์ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนกลางของลำตัวของกล้ามเนื้อขา ทำให้มีตัวตรง และทรงตัวได้ดี อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ และปอด ได้ทำงานแบบเดียวกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิค การเรียนบัลเลต์ทำให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วงดงาม มีรูปร่าง และบุคคลิกภาพที่ดูเป็นสง่าอย่างธรรมชาติ บัลเลต์ยังเสริมสร้างความสุนทรีย์ทางอารมณ์ ทำให้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมีศิลปะ ได้สัมผัสกับดนตรีคลาสสิค ซึ่งในชีวิตปัจจุบันเด็กมักจะไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับการฟัง หรือใช้ดนตรีคลาสสิค เด็กที่เรียนบัลเลต์จะรู้สึกผ่อนคลาย ฝึกฝนสมาธิ และมีความสุขเด็กที่ได้รับการฝึกสอนอย่างถูกต้อง นอกจากจะมีร่างกายที่มีทักษะที่ดีแล้ว ยังจะมีมารยาทงดงาม เนื่องด้วยในห้องบัลเลต์มีระเบียบแบบแผนในการเรียน ฝึกการรับฟังคำสั่ง และปฏิบัติอย่างว่องไว มีระเบียบในการแต่งกาย ฝึกการควบคุมสมาธิ และฝึกความอดทน บัลเลต์จึงเป็นกิจกรรมพิเศษของเด็กที่น่าสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เพราะเป็นทั้งศิลปะ และกีฬา สำหรับเบื้องต้นนั้นใช้เวลาเรียนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับนักเรียนที่มีความสนใจจริงจังในขั้นสูงอาจเรียนมากกว่านั้น

เลือกโรงเรียนอย่างไรดี

การเลือกโรงเรียนบัลเลต์ และคุณครูผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเรียนบัลเลต์ ทั้งนี้เพราะการเรียนบัลเลต์เป็นการถ่ายทอดทักษะจากบุคคลสู่บุคคล คุณครูผู้จบการศึกษาทางด้านบัลเลต์ชั้นสูง มีบุคคลิกภาพที่ดี มีรสนิยม และการแต่งกายที่ดี มีการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง และสุภาพ ย่อมสามารถถ่ายทอดวิชา รวมทั้งบุคคลิกที่ดีให้เด็กได้ดีกว่าก่อนที่จะเรียนบัลเลต์ ผู้ปกครองควรศึกษาเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆที่เปิดสอนว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ผู้บริหารของโรงเรียนเป็นบุคคลที่เรียนบัลเลต์มาโดยตรง และมีความรู้จริง รวมทั้งมีทัศนคติถูกต้องต่อศิลปะการเต้นหรือไม่ ผลงานของโรงเรียนได้รับความยอมรับเพียงไรในวงการบัลเลต์ ทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ นักเรียนที่จบไปแล้วประสบความสำเร็จถึงระดับใด รวมทั้งนักเรียนปัจจุบันมีผลการเรียน การสอบ รวมทั้งบุคคลิกภาพอย่างไร การเลือกโรงเรียนที่ดีนั้น ย่อมคุ้มค่าสำหรับเวลาที่จะเสียไปในการเสริมสร้างบุคคลหนึ่งๆ ให้ก้าวไปในอนาคตอย่างมีคุณภาพที่สุด

คุณค่าที่ยังสืบเนื่องไปถึงอนาคต

นอกจากบัลเลต์จะมีคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของการเต้นในทุกรูปแบบ เช่น คอนเทมโพราลีดานซ์ ระบำแจ๊ส ลีลาศ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะบัลเลต์สอนให้รู้ถึงความสมดุลย์ของการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการสั่งการของสมองได้ว่องไว และยังเป็นพื้นฐานให้กับกีฬาหลายอย่าง เช่น ยิมนาสติค, สเก็ตน้ำแข็ง, และกีฬาอื่นๆอีกหลายประเภทเด็กที่มีพื้นฐานของบัลเลต์อยู่ในตัว แม้ว่าไม่ได้เป็นนักบัลเลต์อาชีพ ย่อมเติบโตขึ้นด้วยความมีทักษะของร่างกายที่พร้อมจะร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตนเอง และมักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้แสดง และผู้แทนในกิจกรรมต่างๆของสถาบัน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสนใจทางศิลปะแขนงต่างๆ หลายด้าน มีความเข้าใจซาบซึ้งได้ถึงวัฒนธรรมทั้งของตอนเอง หรือชาติอื่น เด็กๆเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสำหรับบางคนอาจเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนตลอดชีวิต

ลักษณะเครื่องแต่งกายในการเรียนบัลเลต์

บัลเล่ต์ ถือได้ว่าเป็นศิลปอย่างชัดเจนในระหว่างศริสต์ศตวรรษที่ 18 วิธีการเป็นแบบฉบับมากขึ้นและยากขึ้น เช่น Mrie Carmago และ Marie Salle ได้ปฏิวัติเครื่องแต่งกายหญิงให้สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นอิสระมากขึ้น ขณะเดียวกันกับที่ Jean Noverre,Franz Hilferding พยายามพัฒนาบัลเล่ต์ ไปสู่ความมีแบบฉบับที่ชัดเจนที่เรียกว่า Ballet d’ action

ลักษณะเครื่องแต่งกายในการเรียนบัลเลต์ โดยมีส่วนประกอบสำคัญทัง 3 ส่วน ประกอบด้วยกัน
1. เสื้อรัดรูป ที่เรียกว่า ลี-โอะทาด (Leotard) เป็นเสื้อที่มีลักษณะรัดรูป แขนกุด แขนสั่น แขนยาว สายเดี่ยว หรือลักษณะคล้ายเสื้อกล้ามเพื่อเน้นให้เห็นสัดส่วนของร่างกาย โดยครูผู้สอนสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของลำตัวได้อย่างชัดเจน เพื่อจะนำไปสู่การชี้แนะ แก้ไข การจัดระเบียบร่างกายที่ถูกต้องต่อไป โดยทั่วไปเสื้อรัดรูปที่ดีควรดูดซับเหงื่อได้ดี และระบายความร้อนได้ดีในเวลาเดียวกัน
2. การเกงรัดรูปหรือถุงน่อง ที่เรียกว่า ไทป์ (Tight) เป็นกางเกงรัดรูปหรือถุงน่องชนิดยาวคลุมเท้าหรือยาวปิดเท้า ซึ่งโดยปปกตินักเรียนบัลเล่ต์ชาย จะนิยมสวมใส่ไทป์สีดำหรือสีขาว ในขณะที่นักเรียนบัลเล่ต์หญิงจะสวมใส่ไทปืสีชมพู กางเกงรัดรูปหรือถุงน่องก็เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับนักเรียนบัลเล่ตือีกลักษณะหนึ่งที่มีความจำเป็นต้องรัดรูป เพื่อเน้นให้ครูผู้สอนสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจนและพร้อมจะทำการแก้ไขต่อไป ส่วนความหมายสำคัญเชิงศิลปะการแสดงการเต้นบัลเล่ต์ การใส่ชุดรัดรูปจะช่วยให้ผู้ชมสามารถชื่นชมความงดงามของร่างกาย จากลวดลายการเคลื่อนไหว ศรีษะ แขน ขา และลำตัวได้อย่างอย่างชัดเจน ประกอบอารมณืในการแสดง
3.รองเท้ารัดรุปชนิดผ้านิ่ม ที่เรียกว่า ซอฟย์ ชู (Soft shoe) เป็นรองเท้ารัดรูปที่ใช้วัสดุในการผลิตจากผ้าซาติน หรือหนังเทียม โดยปกตินักเรียนบัลเล่ต์ชายจะใช้รองเท้ารัดรูปสีขาวหรือสีดำ ในขณะที่นักเรียนบัลเล่ต์หญิงจะใช้รองเท้ารัดรุปสีชมพู เพื่อให้สีของรองเท้ากลมกลือนไปกับสีของถุงน่อง

เรียนบัลเลต์ควรเริ่มอย่างไร

การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะสมอง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหวรวมทั้งรักษาสมดุลภายในร่างกาย ขณะที่ หัวใจ ก็ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้น ทั้ง สมอง และหัวใจจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่ง และควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีรูปแบบกีฬา และการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนาสมองให้ฉับไวและเสริมหัวใจให้แข็งแรงมาฝากกันด้วยค่ะ

การเต้นบัลเลต์เป็นกีฬาที่น้อยคนนักจะทราบว่าเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนาร่างกายและสมองไปในคราวเดียวกัน ให้ความรู้ถึงประโยชน์ของการเต้นบัลเลต์ว่า เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีแบบแผนและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยผู้ฝึกต้องจัดระเบียบร่างกายและกล้ามเนื้อให้ถูกต้องตามหลัก เมื่อฝึกต่อเนื่องเป็นเวลานานร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา ซึ่งการฝึกบัลเลต์ช่วยพัฒนาสมองของผู้ฝึกทั้งด้านความจำและสมาธิ เนื่องจากเป็นการเต้นที่มีท่าทางตายตัว ผู้ฝึกจึงต้องจดจำท่าทางให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีสมาธิและสติเพื่อรับรู้ว่าจัดระเบียบร่างกายได้ถูกต้องหรือไม่ เมื่อมีสมาธิดี ก็ย่อมทำให้เรียนรู้ได้ไวจดจำสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น อีกทั้งขณะฝึกบัลเลต์ยังได้ฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งมีผลวิจัยออกมาว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองและเพิ่มไอคิวได้

ขั้นที่ 1 ก่อนเริ่มเต้นบัลเลต์ควรอบอุ่นร่างกายด้วยกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการยืดกล้าม เนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา หมายรวมถึงต้นขา น่อง ข้อเท้า เท้า และนิ้วเท้า ซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้มากในการเต้นบัลเลต์

ขั้นที่ 2 บริหารร่างกายบริเวณเอว เพราะการเต้นบัลเลต์อาจมีบางท่าที่คู่เต้นรำต้องยกเราขึ้น ดังนั้น การบริหารเอวจะช่วยให้กล้ามเนื้อแน่นและกระชับ ลดโอกาสในการบาดเจ็บ

ขั้นที่ 3 ส่วนต่อมาที่ควรบริหารคือแขน เพราะเป็นอีกองค์ประกอบที่ช่วยให้การแสดงบัลเลต์ออกมาสวยงาม ดังนั้น การยืดกล้ามเนื้อแขนจะช่วยให้การเคลื่อนไหวราบรื่นยิ่งขึ้น

ขั้นที่ 4 ฝึกเดิน ยืน และนั่ง ด้วยท่าที่ถูกต้องของการเต้นบัลเลต์ เพราะการฝึกเหล่านี้เทียบเท่ากับการอบอุ่นร่างกายก่อนเริ่มเล่นกีฬาชนิดอื่น สำหรับท่ายืนที่ถูกต้องของนักบัลเลต์คือ ต้องยืนบนปลายเท้า หลังตรง เกร็งหน้าท้อง

ขั้นที่ 5 สำหรับใครที่อยากเอาดีด้านการเต้นบัลเลต์ควรฝึกฝนเต้นอยู่เสมอกระทั่งที่ บ้าน โดยอาจฝึกยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆกับเก้าอี้หรือตู้แทนบาร์ที่ใช้ฝึกในชั้น เรียน โดยเฉลี่ยควรฝึกอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น

ขั้นที่ 6 ในการเต้นบัลเลต์ รองเท้านับเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญ ดังนั้น การเต้นแต่ละครั้งควรใส่รองเท้าบัลเลต์เพื่อความปลอดภัยขณะเต้น

เพื่อสร้างความเพลิดเพลินระหว่างเต้นบัลเลต์ เราควรเปิดเพลงประกอบ ขณะเดียวกันควรกำหนดระยะเวลาในการเต้น และควรเพิ่มระยะเวลาขึ้นตามลำดับ เพราะการฝึกบ่อยๆจะช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บจากความผิดพลาด ทำให้เราเต้นได้เก่ง และยังมีสุขภาพแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม การเต้นบัลเลต์อาจเป็นกีฬาที่เหมาะกับคนมีฐานะ เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับชุดและค่าเล่าเรียนค่อนข้างแพง ดังนั้น หากไม่มีกำลังทรัพย์ควรออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น เช่น การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน ฯลฯ แต่อย่างน้อยต้องออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงของตัวเราเอง